Wednesday, July 23, 2008

อ่านซ้า แล้วจะรู้ว่าการเป็นเกย์นั้นดีอย่างไร ฮี่ๆ

ตลก ดัดแปลง // อ่านเอาขำ

คุณแม่สี่คนนั่งคุยถึงลูกชาย
คุณแม่ #1 ; ลูกชายของชั้น จบปริญญาเอกจากอเมริกา
ทำงานกับบริษัทฝรั่ง มีเงินซื้อแหวนเพ็ชรราคาสิบล้าน
คุณแม่ #2 ; ลูกชายชั้นเป็นเจ้าของบริษัท อสังหาริมทรัพย์
มีโครงการบ้านจัดสรร พันล้าน ที่ภูเก็ต
คุณแม่ #3 ; ลูกชายชั้นเป็นนายทหาร คุมกำลังพลทำรัฐประหารเมื่อเดือนกันยา
ตอนนี้เป็นใหญ่ในกองทัพ มีอำนาจคับประเทศ
คุณแม่ #4 ; ลูกชายชั้น เป็นเกย์
คุณแม่ทั้งสาม ; โถ… น่าสงสาร เธอคงเสียใจและผิดหวังในตัวของเค้ามาก สินะ
คุณแม่ #4 ; อ๋อ ไม่หรอก
ชั้นภูมิใจที่เค้าเป็นคนดี ไม่ทำสิ่งเลวร้ายให้ใครเดือดร้อน ที่สำคัญคือเค้าเป็นคนฉลาด
เมื่อเดือนก่อนเค้าได้ของขวัญวันเกิดเป็น แหวนเพ็ชร , บ้านตากอากาศที่ภูเก็ต และ
ตำแหน่งประธานบอร์ดบริษัทรัฐวิสาหกิจ จากแฟนสามคน

ที่มา http://viroon.blogsome.com/2006/12/18/coyote-girls/

ศิลปะเพื่อการพบตนเอง 1

อย่างที่บอกในภาพที่อัพขึ้นบลอกมาก่อนหน้านี้ ว่าไปอบรมคอร์ส จิตตศิลป์มา จัดโดยศูนย์จิตตปัญญาศึกษา ที่ จังหวัดเพชรบุรี (ได้โดดแม่น้ำเพชร เล่นน้ำช่วงพักผ่อนตามอัธยาศัย)

การอบรมครั้งนี้เป็นการใช้สื่อต่างๆในงานศิลปะเพื่อการเรียนรู้ ค้นพบตนเอง สื่อสารกับด้านใน และจิตใต้สำนึกของตัวเราเอง มีหลายกิจกรรมที่เราชอบมาก ประทับใจและสนุกมากกับการอบรม เรามาร่วมงานอบรมแบบไม่ได้ตั้งความหวังอะไรไว้มาก ตั้งไว้แบบเปิดๆกว้างๆว่าอยากจะมาเรียนรู้ และก็ได้ทำงานศิลปะได้วาดภาพอย่างที่โหยหามานาน

เราทิ้งการทำงานศิลปะและการวาดภาพไปนานนับหลายปี นับตั้งแต่ลาออกจากเสมฯ เพราะงานใหม่ที่ได้ไปทำในแต่ละที่นั้น ไม่เอื้อโอกาสให้ได้มีช่วงเวลาเงียบๆเพื่อใช้ไปกับงานศิลปะเลย อีกอย่างที่ทำงานใหม่ก็ไม่ค่อยจะได้ใส่ใจหรือเห็นคุณค่าในการทำงานศิลปะมากนัุก จะเ้น้นการใช้หัวครุ่นคิดเสียมากกว่า

กิจกรรมที่ประทับใจเริ่มตั้งแต่การทำความรู้จักคุ้นเีคยกัน และการประเมินตนเองผ่านกิจกรรม socio-matrix คือการบอกโจทย์บางอย่างแล้วให้เราแต่ละคนยืนเข้าแถวตามลำดับ ตามที่โจทย์ขอมา เช่น เรียงแถวตามพยัญชนะตัวสุดท้ายของชื่อ เรียงแถวตามจำนวนพยางค์ ตามวัน+เดือนเกิด ฯลฯ แล้วก็มีการตั้งคำถามบางอย่าง เพื่อประเมินตนเองถึงความเข้าใจเกี่ยวกับศิลปะและหัวข้อในการอบรมครั้งนี้ โดยจะแบ่งห้องออกเป็นกล่อง 4 ใบ ให้เราเลือกที่จะเข้าไปนั่งในกล่องต่างๆ ตามระดับความคิด/เข้าใจที่เรามีต่อตนเอง คำถามมีหลากหลาย เช่น คุณคิดว่าตนเองมีความคุ้นเคยกับคำว่าศิลปะแค่ไหน คุณคิดว่าตนเองเข้าใจคำว่าจิตตศิลป์แค่ไหน

กิจกรรมต่อมามีคนตั้งชื่อว่าตุ๊กแกสองวิญญาณ คือการสมมติว่าเรามีสองคนในร่างเดียวกัน ฝ่ายนึงพยายามต้านทาน ฝ่ายนึงพยายามยื้อยุด (ทำท่าต่างๆประกอบการยื้อยุดฉุดดึง) กิจกรรมนี้ใช้พลังการจินตนาการสูงมาก เล่นเอาเหนื่อยเพราะต้องออกแรงสู้กับตนเอง

กิจกรรมต่อมาสนุกดี เป็นการทดลองว่าภาพเชิงนามธรรมครั้งแรกของเราเลยเชียว กระบวนกรจะให้เราคิดถึงเหตุการณ์สำคัญมากๆในชีวิต แล้วให้ถ่่ายทอดออกมาเป็นภาพเชิงนามธรรม โดยใช้สีประเภทต่างๆกัน ใช้เทคนิคต่างๆกันตามแต่จะคิดได้ในตอนนั้น ที่สำคัญคือเขาจะย้ำว่า นี่"คือการทดลอง ไม่มีถูกไม่มีผิด" เพราะฉะนั้นขอให้ทำงานอย่างเต็มที่ไม่ต้องกลัวถูกผิด ให้ถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึก ที่มีต่อเหตุการณ์นั้นออกมาผ่านสีและลายเส้นต่างๆ ตามที่เราปรารถนาได้เลย โหย มันมากๆ บางคนก็ิิอินสุดๆ

ต่อมาก็ให้เราเอาภาพของตัวเองมาดูแล้วให้แทน ความรู้สึกต่างๆในภาพด้วยเสียง จะร้องตะโกน จะผิวปาก จะทำเสียงลม เสียงฝน ฯลฯ ก็ได้ทั้งนั้น ถึงตอนนี้มีบางคนร้องไห้โฮออกมาเลย บางคนก็ไม่กล้าออกเสียง บางคนก็ทำเสียงแปลกๆต่างๆนานา ส่วนเราเองไม่ค่อยกล้าออกเสียงเท่าไร รู้สึกเขินๆแปลกๆไม่คุ้นชินน่ะ

เสร็จจากการออกเสียงก็ให้เราแสดงความรู้สึกผ่านภาพด้วยท่าทาง (ไม่ต้องออกเสียงแล้ว) จะยืนเดิน นั่ง นอน กระโดด หมุน หรืออะไรก็ตามแต่ ออกมาให้เต็มที่ อืม...อันนี้เราก็ไม่คุ้นชิน แต่ว่าก็ยังทำได้่ง่ายกว่าออกเสียงอ่ะ

มีหลายคนที่อารมณ์ความรู้สึกยังคง ปั่นป่วน ฟุ้งกระจายไม่อาจควบคุม ปิดไม่ลงแม้เมื่อจบกิจกรรมแล้ว บางครั้งความเศร้าที่ฝังอยู่ในจิตใต้สำนึกนั้น เมื่อมันได้ถูกปลดปล่อยออกมาแล้ว ก็ยากที่จะหยุดยั้งได้ ต้องปล่อยให้เขาออกมาให้หมด จนกว่าจะพอใจ

ช่วงค่ำจึงเป็นกิจกรรมแห่งการเยียวยาด้วยศิลปะแบบวอลดอร์ฟ คือการนั่งจุดแต้มสีทีละจุดๆ (ใช้แม่สี 3 สีคือ แดง เหลือง น้ำเงิน) จนกว่าสีจะปรากฎออกมาบนแผ่นกระดาษ เราจะได้เห็นการผสานกันของสีทั้งสาม และการปรากฎขึ้นของสีสันต่างๆ สีน้ำที่กระบวนกรผสมให้ใช้้จะบางมากๆ ต้องใช้การแต้มจุดซ้ำไปมาหลายครั้งจึงจะปรากฎร่องรอย และสีสันที่ชัดเจน กิจกรรมนี้บางคนก็บอกว่าเบื่อสุดๆ เพราะต้องใจเย็นกับมันมากๆ และกว่าจะแต้มจุดสีได้เต็มแผ่นกระดาษนั้น ต้องใช้เวลาไม่น้อยเลย แต่เราพบว่าเราชอบกิจกรรมนี้มากๆ นั่งทำไปอย่างมีความสุข สนุกสนาน เหมือนการทำสมาธิน่ะ ทำซ้ำๆ เป็น pattern ไปเรื่อยๆ ด้วยอาการลุ้นๆอยู่ในใจว่า สีของฉันจะปรากฎตัวออกมายังไงนะ สนุกดี ตื่นเต้นที่จะได้เห็นผลงานของเราค่อยๆปรากฎขึ้นมาจากกระดาษสีขาวๆที่ว่างเปล่า

เราพบว่า การทำกิจกรรมบางอย่างซ้ำๆ เป็นการเยียวยาจิตใจได้ดีมากอย่างนึง เพราะมันสร้างภาวะของความเป็นระเบียบขึ้น จัดเรียงความคิดและคลื่นสมองของเราได้ ใจที่ว้าวุ่นก็จะค่อยๆสงบลง เหมือนเป็นการภาวนาอยู่ในที ภาวนาด้วยการเคลื่อนไหวผ่านการกระทำบางอย่าง


ขอจบกิจกรรมวันที่ 1 แต่เพียงเท่านี้ก่อน ถ้าว่างจะมาเล่าวันที่ 2 ต่อซึ่งสนุกมาก เป็นสุดยอดซีรี่ย์กิจกรรม ของการอบรมครั้งนี้เลยทีเดียวเชียว