Wednesday, February 22, 2012

แผลเก่า - โจทย์เก่า -จิตใต้สำนึก


เวลาที่แผลเก่า-โจทย์เก่าผุดปรากฎขึ้นในจิตใต้สำนึกผ่านความฝันในยามหลับนั้น มันให้ความรู้สึกเจ็บลึกหนักๆแบบหน่วงๆไม่แพ้รสชาดของแผลสดใหม่เลยทีเดียว (ทำเอากูตื่นตอนตีสอง) จะต่างกันก็แค่ระดับความฉูดฉาดบาดจิตเท่านั้นที่อาจจะน้อยกว่า แต่ระดับความหน่วงหนักนั้นเหนือชั้นกว่ากันหลายเท่านัก ...ใครบ้างไม่เคยมีแผลเก่า – โจทย์เก่า ที่เก็บฝังไว้ในจิตใต้สำนึก...


บางทีการผุดปรากฎนี้อาจจะกำลังพยายามบอกข้อความอะไรบางอย่างให้แก่เรา เป็นข้อความที่เราควรรับฟัง หากว่าเราไม่แตกตื่นหรือกลัวจนเกินไป ฉันไม่รู้เหมือนกันว่าข้อความนั้นคืออะไร แต่มันทำให้ฉันต้องลุกขึ้นมานั่งเขียนถึงเรื่องนี้ตอนตีสอง


หลายครั้งเราอาจจะเข้าใจไปเองว่าแผลนั้นมันได้รับการเยียวยาแล้ว มันหายไปแล้ว เพราะเราไม่เคยนึกถึงมันอีกเลย แต่ใครจะไปรู้บางทีแผลนั้นยังไม่หายไปไหน เพียงแค่เราเก็บกดและโปกปูนปิดทับมันไว้ในก้นบึ้งของจิตใต้สำนึกเท่านั้นเอง การเก็บกดและโปกปูนปิดทับ คือ หนึ่งในกลไกของการป้องกันตัวเอง การเยียวยาตัวเองตามธรรมชาติของจิตที่ยังไม่ได้รับการฝึกฝนดีพอ ยังไม่เซียนพอที่จะก้าวข้ามบาดแผลนั้นไปได้อย่างสง่างาม


แผลเก่า – โจทย์เก่าของฉันคือเรื่องของความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิด เป็นโจทย์ความรักในครั้งก่อนเก่าเมื่อหลายปีที่ผ่านพ้น แม้ในอดีต(ในช่วงที่พลังชีวิตยังรุ่งโรจน์)จะมีความรักผ่านเข้ามาในชีวิตหลายครั้ง และแต่ละครั้งก็ได้ฝากร่องรอยประทับไว้บนจิตใจแตกต่างกันไป แต่มีอยู่สองสามครั้งที่ฝากร่องรอยที่บาดลึกเอาไว้ กับครั้งที่ฝันถึงนี้เป็นหนึ่งในร่องรอยที่เจ็บลึกมาก—ไม่แน่ใจว่ามากที่สุดหรือไม่ (แต่เอาเป็นว่ากูยังไม่ลืมแม้จะคิดไปเองว่าลืมไปแล้ว)


บาดแผลจากความสัมพันธ์เก่าก่อนนี้ยังคงส่งผลมายังความสัมพันธ์ต่างๆในครั้งต่อๆมา (โดยที่ฉันไม่รู้ตัว) มันทำให้ฉันมักหลงรักหรือหลงชอบคนผิด คนที่รู้ว่าไม่ว่ายังไงก็ไม่มีวันจะใช้ชีวิตร่วมกันได้อย่างเป็นปกติสุข คนที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง คนที่ไม่มีวันเป็นจริงได้ เมื่อแรกคบจะมองไม่เห็น แต่เมื่อรู้จักกันมากเข้า ฉันจะมีความรู้สึกหวาดหวั่น หวาดระแวงปรากฎขึ้นมาและพัฒนาไปจนถึงขั้นของความหวาดกลัว และทำให้ฉันเลือกที่จะยุติความสัมพันธ์เหล่านั้นมากกว่าจะอดทนรอคอย เฝ้าดูและเติบโตไปกับมัน


อาการหวาดระแวงจากแผลเก่าที่ฝังอยู่ในจิตใต้สำนึกนี้ อาจจะส่งผลเชื่อมโยงถึงการเลือกแมวที่เก็บมาเลี้ยง (ของคล้ายกันจะดึงดูดเข้าหากกันโดยธรรมชาติ) แมวตัวปัจจุบันที่เก็บมา (นังหนูทัมมะ) อดีตคือลูกแมวหลงทางข้างถนน ที่มีโจทย์เก่าคือฝูงหมาที่ไล่เห่ามันจนมันไปจนมุมอยู่บนกำแพง จนกระทั่งมีคนได้ยินเสียงและเดินตามไปช่วยมันลงมาจากกำแพง ฉันไม่รู้ว่าทัมมะผ่านอะไรมาบ้างในชีวิตก่อนที่จะมาเจอกับฉัน แต่สิ่งที่ส่งผลจากประสบการณ์ในอดีตทำให้ทัมมะเป็นแมวขี้หวาดระแวงตัวหนึ่ง มันจะไม่ไว้วางใจอะไรง่ายๆ และจะอาละวาดโวยวาย ร้องขู่เสียงดัง เมื่อต้องเจอกับสถานที่ผิดแปลกไปจากเดิม โดยเฉพาะสิ่งที่มันคิดว่าเป็นการคุกคาม ไม่ว่าจะเป็นการพาไปหาสัตวแพทย์ที่โรงพยาบาล (มันร้องลั่นและอาละวาดกัดเขาจนเป็นที่เลื่องลือในบรรดาหมอและผู้ช่วย) มันไม่ไว้วางใจแมวตัวไหนง่ายๆ มีระยะห่างกับแมวด้วยกัน ส่วนกับหมานั้นถ้าเห็นหมาเมื่อไหร่ ทัมมะจะวิ่งหนีขึ้นไปอยู่บนกำแพงเมื่อนั้น

ข้อดีของการนี้คือ ทำให้มันไม่เสี่ยงกับอาการบาดเจ็บและถูกทำร้ายจากหมาตัวไหน แต่ข้อเสียคือ บางทีถ้าเจอหมาดีๆที่เป็นมิตรกับแมว มันก็พลาดโอกาสที่จะได้เป็นเพื่อนกับหมาตัวนั้นไป


ลองมองย้อนดู ปมความสัมพันธ์ต่างๆในชีวิตนั้น อาจจะย้อนไปไกลได้ถึงปมความสัมพันธ์ในวัยเด็กที่มีกับพ่อ ฉันแปลกใจมากที่พบว่าตัวเองไม่ค่อยรักพ่อ (อย่างน้อยก็รู้สึกว่ารักพ่อน้อยกว่าแม่ -- โชคดีที่ตอนนี้พ่อตายไปแล้ว ก็เลยสารภาพได้โดยไม่ต้องกลัวพ่อเสียใจ) ทั้งที่พ่อรักฉันมากไม่แพ้ลูกคนไหน แต่ฉันกลับรู้สึกว่าถ้าเลือกได้ก็ไม่อยากจะอยู่ใกล้ๆพ่อเท่าใดนัก หากเลือกได้ขออยู่กับแม่ใกล้ๆแม่ดีกว่า ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในรูปแบบความสัมพันธ์ระหว่างพ่อกับฉัน ตอนไหนยังไง จึงส่งผลให้มีความรู้สึกแบบนี้ อาจเป็นเพราะเวลาโมโห พ่อมักจะโมโหร้ายเสียงดังและตีเจ็บ และมักควบคุมอารมณ์ไม่ได้ งั้นหรือ? ฉันก็ไม่แน่ใจ แต่ฉันค้นพบว่าความรักที่มีต่อพ่อได้ปรากฎให้เห็นชัดเจนตอนที่พ่อตายจากไปแล้ว...


ลองกลับมามองดูความฝันเรื่องแผลเก่า-โจทย์เก่ากันอีกที ในความฝันนั้น ฉันเห็นเขาแวะมาเยี่ยมเยียนทำธุระบางอย่างกับเพื่อนเก่า (ซึ่งเป็นเพื่อนๆของฉันด้วย) ทันทีที่เห็นโจทย์เก่า ฉันก็หาทางวิ่งหนีสุดชีวิต มีความรู้สึกรังเกียจ หวาดกลัว-หวาดหวั่นที่จะต้องพบเจอเผชิญหน้าหรือพูดคุยด้วย การวิ่งหนีนั้นส่งผลให้ฝูงหมาในบริเวณนั้น(ในความฝัน) เห่าเสียงดังและไล่ตามมา ฉันต้องโยนของบางอย่างทิ้งเพื่อดึงความสนใจของฝูงหมา เขาได้ยินเสียงฝูงหมาก็วิ่งตามมาเอ็ดตะโรดุด่าหมาเหล่านั้นเสียงดัง (โดยที่ไม่รู้ว่าหมามันตื่นเพราะฉันวิ่งหนีเขา) ในความฝันใจฉันเต้นแรง แตกตื่น ความรู้สึกรังเกียจ ขยะแขยงโจทย์เก่าผุดปรากฎขึ้นมาชัดเจนรุนแรง

ในขณะที่วิ่งหนี ฉันวิ่งผ่านฝูงชนในสนามกีฬา มีผู้ชายหลายคนยืนคุยกันเป็นกลุ่มๆอยู่รอบๆสนาม และมีบางคนที่ฉันรู้จัก-แอบสนใจ กำลังนั่งมองฉันอยู่ในขณะที่ฉันวิ่งผ่านไป น่าเสียดายฉันพลาดโอกาสที่จะได้หยุดแวะคุยกับเขา เพราะตอนนั้นฉันกำลังวิ่งหนีสุดชีวิตด้วยความตื่นกลัว --- วิ่งหนีจนกระทั่งฉันตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกกลัว เจ็บ รังเกียจ ขยะแขยงและแตกตื่นนั้นเอง


ฉันยังไม่รู้ว่าความฝันนี้กำลังจะบอกอะไร แต่มันคงมีข้อความสำคัญบางอย่างที่ต้องใคร่ครวญ เพื่อการค้นพบบางอย่างที่นำมาซึ่งการเยียวยา -- ตอนนี้ยังไม่เข้าใจจึงขอบันทึกเก็บเอาไว้ก่อน บางทีในวันข้างหน้าฉันอาจจะค้นพบคำตอบได้เองในที่สุด

Wednesday, February 8, 2012

ดัชนีวัดหลักนิติธรรมเมืองไทย

เพื่อนส่งดัชนี้ชี้วัด หลักนิติธรรมเมืองไทยมาให้ดู เขาวัดจากหลายๆด้าน หลายๆแง่มุม มีตัวชี้วัด/ปัจจัยหลักในการดู 8 ปัจจัย
1. ขอบเขตอำนาจของรัฐ
2. การไม่คอรัปชั่น
3. ความมั่นคง / ความปลอดภัย
4. หลักพื้นฐานด้านสิทธิ
5. การเปิดเผยข้อมูล
6. การบังคับใช้กฎหมาย
7. การเข้าถึงความยุติธรรมของประชาชน
8. ประสิทธิภาพในการดำเนินความยุติธรรมในคดีอาญา

ดูแล้วเมืองไทยรั้งอันดับท้ายๆ พอประมาณ ไม่ได้ท้ายที่สุดแต่ก็ดูอาการน่าเป็นห่วง