Sunday, October 28, 2007

Freedom Writers



กำกับโดย Richard LaGravenese
นำแสดงโดย Hilary Swank, Scott Glenn, Robert Wisdom


Freedom Writers เป็นหนังชีวิตซึ้งๆ ที่สร้างจากเรื่องจริงที่เกิดขึ้น ของคุณครู Erin Gruwell (รับบทโดย Hilary Swank) ที่เพิ่งจบมาและเริ่มสอนหนังสือเป็นครั้งแรกที่โรงเรียนมัธยม Wilson High School และต้องเจอกับบรรดาเด็กแสบในชั้นที่ท้าทายเธอทุกวันด้วยความก้าวร้าว หยาบคาย กระด้างและไม่ใส่ใจเรียน

แต่ภายใต้ความก้าวร้าวรุนแรงที่ปรากฎอยู่นั้น เด็กเหล่านี้ซ่อนความเจ็บปวดและบาดแผลในชีวิตไว้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องยาเสพติด แก็งค์อันธพาล การเหยียดผิวและเชื้อชาติ ปัญหาความรุนแรงในครอบครัวและในชุมชนระดับล่างของสังคม เด็กบางคนเป็นเด็กที่ถูกภาคทัณฑ์บนไว้ แล้วส่งมาเรียนหนังสือที่นี่เพื่อประวิงเวลาไม่ให้เขาออกไปก่อปัญหาให้แก่สังคมภายนอกเร็วนัก

แต่ด้วยใจรักในการเป็นครูและต้องการจะช่วยเหลือเด็กเหล่านี้ ในที่สุดคุณครู Gruwell ก็ได้จุดประกายและสร้างแรงบันดาลใจให้แก่เด็กเหล่านี้ ด้วยการให้พวกเขาเริ่มต้นเขียนเล่าเรื่องราวในชีวิตของพวกเขาออกมา อย่างที่เขาอยากจะเล่า เรื่องราวที่ไม่มีใครเคยรับฟังและถูกเพิกเฉยมาโดยตลอด


ในที่สุดเด็กทุกคนในชั้นเรียนนี้ก็เกิดการเปลี่ยนแปลง เขารู้สึกว่าตนได้รับการยอมรับ รู้สึกว่าตนเป็นส่วนหนึ่งที่มีความสำคัญและสามารถก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่อสังคมและโลกใบนี้ได้ พวกเขาเริ่มมีความหวังและมีความฝันเพื่อสิ่งที่ดีกว่าในชีวิต จากเดิมที่เด็กเหล่านี้อาจจะจบออกไปแล้วกลายเป็นอันธพาลในชุมชน หลายคนเปลี่ยนแปลงตนเองกลายเป็นคนที่มีความรับผิดชอบและใส่ใจต่อผู้อื่น บางคนได้กลับคืนสู่ครอบครัวหลังจากที่หนี-ถูกขับไล่ออกมา หลายคนเรียนต่อและกลายเป็นคนแรกในบรรดาสมาชิกในครอบครัวที่สำเร็จการศึกษาระดับมหาวิทยาลัย ฯลฯ

จากแรงบันดาลใจที่ได้รับจากกันและกันในการเปลี่ยนแปลงอันน่าอัศจรรย์นี้เอง ทั้งศิษย์และครูจึงได้ร่วมกันก่อตั้งชมรม Freedom Writers ขึ้น เพื่อช่วยเหลือเยาวชนอีกมายมายในสังคมที่อาจจะกำลังเดินหลงทางไป ให้กลับมาค้นพบคุณค่าที่มีอยู่ภายในตนเอง และเริ่มต้นสร้างสรรค์สิ่งดีงามให้เกิดขึ้นกับตนเอง และผู้คนรอบข้าง


นับว่าเป็นหนังดราม่าดีๆอีกเรื่อง ที่สามารถทำให้ดูไปก็ร้องไห้ไปด้วยได้ กับเรื่องราวและบทบาทของแต่ละคน เป็นเรื่องจริงที่สะเทือนใจแต่ก็สร้างแรงบันดาลใจในชีวิตได้มากมาย


ในเรื่องยังพูดถึงเหตุการณ์ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวที่เกิดขึ้นในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองด้วย เพื่อเชื่อมโยงให้เห็นถึงความโหดร้ายของการแบ่งแยกกีดกันสีผิวและเชื้อชาติ และเป็นแรงบันดาลใจให้เด็กๆนักเรียนที่มีปัญหารุนแรงเหล่านั้นได้รับรู้ว่า ยังมีคนที่ทุกข์ยิ่งกว่าตนเอง และท่ามกลางความสิ้นหวังและความทุกข์ยากของชีวิตนั้น พวกเขาสามารเลือกที่จะสร้างสิ่งที่ดีกว่าได้

หนังพูดถึงหนังสือเรื่อง "บันทึกลับของแอน แฟร้งค์" ด้วย ในฐานะที่เป็นแรงบันดาลใจให้กับเด็กๆเหล่านี้ ทำให้เรารู้สึกว่าอยากอ่านเรื่องนี้ขึ้นมาตะหงิดๆเลยเชียว วันนี้โชคดีไปช่วยพี่จ๊ะย้ายของจัดตู้หนังสือ บังเอิญเจอหนังสือเรื่องนี้เข้าพอดี จึงได้ขอยืมพี่จ๊ะมาอ่านเสียเลย (แหมนับว่ายังพอมีบุญอยู่บ้างนะเนี่ย เพราะคิดอยากได้อะไร ก็ยังได้อย่างนี้อยู่ -- ขอบคุณค่ะ Universe)

ต้องยอมรับว่าเรื่องนี้ Hilary Swank เล่นได้ดีสมกับที่เป็นนักแสดงมือรางวัล แต่ที่เจ๋งยิ่งว่าคือบรรดานักเรียนที่มารับบทในเรื่องนี้ ทุกคนเป็นนักแสดงสมัครเล่น หลายคนไม่เคยเล่นหนังมาก่อนเลย แต่เล่นได้ดีสมบทบาท มีการสื่อสารทางสีหน้าแววตาได้ดีมาก ไม่แพ้นักแสดงมืออาชีพเลย และต้องนับถือผู้กำกับที่สามารถดึงพลังของนักแสดงแต่ละคนออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม กำกับให้พวกเขาเล่นได้อย่างเป็นธรรมชาติ

ตอนท้ายเรื่องเราจะได้เห็นตัวจริงของคุณครู Erin Gruwell ด้วย เธอยังคงทำงานสอนของเธอต่อไปด้วยใจรัก เพื่อสร้างแรงบันดาลใจและจุดประกายให้กับเยาวชนรุ่นใหม่ๆต่อไป

ถ้ามีโอกาสก็อยากจะแนะนำให้ลองไปหามาดูกัน หรือไปอ่านหนังสือบันทึกลับของแอนน์ แฟร้งค์ก่อนก็ได้ (อาจจะหาง่ายกว่าหนัง เพราะเรื่องนี้เป็นหนังนอกกระแส อาจจะหาดูยากอยู่สักหน่อย) สำหรับบางคนที่คิดว่าชีวิตนี้มันช่างแสนโหดร้ายและบัดซบ ดูหนังเรื่องนี้จบอาจพบว่าชีวิตก็ยังมีความหวังและมีเรื่องราวดีๆอีกมากมายซ่อนอยู่ให้เราไปค้นพบ


Genres: Drama, Adaptation, Biopic and Teen
Running Time: 2 hrs. 3 min.
Release Date: January 5th, 2007 (wide)
MPAA Rating: PG-13 for violent content, some thematic material and language.
Distributors: Paramount Pictures, United International Pictures

Wednesday, October 17, 2007

วันที่ฉันป่วย: ข้าพเจ้าทดลองความจริง


วันนี้ลาป่วยต่ออีกหนึ่งวัน เพราะมีอาการเจ็บคอ + ปวดหัว มึนๆเพลียๆ สะโหลสะเหลพิกล เราตั้งใจว่าจะไม่กินยาแต่จะลองใช้สูตรธรรมชาติบำบัดรักษาดู ด้วยการอดอาหารและนอนพัก (จิบน้ำเปล่าได้) ให้ร่างกายเยียวยาตัวเอง โดยไม่แทรกแซงมากนัก ที่พอจะทำได้(แทรกแซง)คือ กลั้วคอด้วยน้ำอุ่นผสมเกลือและมะนาว (หาน้ำอุ่นไม่ได้ก็เอาน้ำธรรมดานี่แหละ) แล้ิวก็นอนพักยาวเลย

จริงๆแล้วเมื่อวานมีไข้ด้วย แต่เมื่อคืนแอบเอาน้ำราดหัว เพราะไม่งั้นจะปวดหัวมากนอนไม่หลับเลย ปรากฎว่าไข้หายเป็นปลิดทิ้ง ช่วยให้หลับได้สบายขึ้นเยอะ แต่อันนี้ก็ผิดสูตร เพราะจริงๆแล้วธรรมชาติบำบัดถือว่าการมีไข้เป็นของดี เป็นการขับพิษขั้นสุดยอดของร่างกาย ยิ่งไข้สูงยิ่งดี เพราะแปลว่ากระบวนการขับพิษได้ทำหน้าที่ของมันเต็มที่ พอไข้ลดเองตามธรรมชาติ จะรู้สึกตัวเบาสบายสดชื่นมากๆ อย่างที่ไม่เคยเป็นมากก่อน เป็นความรู้สึกสดชื่นภายใน ที่ยาลดไข้ขนานไหนก็สร้างให้ไม่ได้ (เคยใจแข็งอดทนทำได้หนหนึ่ง ก็พบว่าเออ ร่างกายนี่มันอัศจรรย์จริงๆแฮะ)

แต่ว่าช่วงไข้ขึ้นมันก็จะทรมานมาก ประหนึ่งลมปราณแตกซ่าน ธาตุไฟเข้าแทรก (สำนวนบู๊ลิ้ม) ร่ายกายอยู่นอกเหนืออำนาจการควบคุม เป็นช่วงพิจารณาธรรมะที่ดีมาก เพราะจะเห็นได้ว่าร่างกายนี้ไม่ใช่ของเรา มันคือก้อนธาตุและกองทุกข์แท้ๆ แต่เราก็พิจารณาได้ไม่นาน เพราะอินทรีย์ยังอ่อนอยู่ ก็เลยตัดสินใจใช้ทางลัด เอาน้ำราดหัวดีกว่า ไข้ลดอย่างฉับพลัน กระบวนการมันก็เลยดำเนินไปไม่ถึงจุดสิ้นสุดของมัน

วันนี้ก็เลยยังมึนๆเพลียๆอยู่เลย กำลังรอดูอยู่ว่าไข้จะขึ้นอีกหรือเปล่า หรือว่าจะทรงๆอยู่อย่างนี้ไปเรื่อยๆ --- นึกถึงหนังสือข้าพเจ้าทดลองความจริงของคานธี แหม...ตอนนี้เราก็ขอแอบอ้างว่า เราก็กำลังทดลองความจริงของร่างกาย และสภาวะธรรมแห่งความไม่เที่ยงด้วยเหมือนกัน ฮะๆ

ตะกี้พี่นุชโทรมา บอกว่าเย็นนี้ถ้าไม่ติดธุระอะไรจะมาเยี่ยมพร้อมน้ำมะพร้าวหนึ่งลูก โห...ซาบซึ้งๆพี่นุชรู้ได้ไง ว่าเรากำลังคิดถึงน้ำผลไม้ และตามสูตรธรรมชาติบำบัดนั้น น้ำมะพร้าวเป็นสุดยอดของน้ำผลไม้ที่ช่วยในการฟื้นฟูกำลังเลยเชียว (แต่ถ้าไข้ยังไม่หายก็ยังไม่ควรกิน) ขอบคุณพี่นุชมากๆเลยนะคะ

อ้อเมื่อคืนพี่เล็กก็โทรมาถามด้วยความเป็นห่วง ขอขอบคุณพี่เล็กมากๆด้วยอีกคน เมื่อเช้าน้องหนิงก็โทรมาอวยพรให้หายเร็วๆ พร้อมกับบอกว่าจะช่วยจัดการเรื่องจดหมายให้ และน้องพรก็ส่ง message มาบอกให้หายเร็วๆด้วย ซาบซึ้งๆ ขอขอบคุณเพื่อนๆ ทุกๆคนมากๆเลย จะพยายามรักษาตัวให้หายไวๆ จะได้กลับไปทำงานด้วยกันอีก

ขนาดป่วยๆอย่างนี้ยังไม่วาย หาเรื่องมาอัพบล็อกจนได้ คนเราไม่เจียมตัวเสียบ้างเรย...นิ