Tuesday, February 9, 2010

Movie Review: Tokyo Sonata


โตเกียว โซนาต้า บอกเล่าเรื่องราวโศกนาฏกรรมในครอบครัวชนชั้นกลางญี่ปุ่นในยุคทุนนิยมเสื่อมสลายในมหานครโตเกียว ทุกๆครอบครัวล้วนมีความลับที่เก็บงำไว้ หนังสะท้อนถึงความรู้สึกขมขื่น คับแค้นใจของตัวละครแต่ละคนที่เก็บงำปัญหาของตนเองไว้เป็นความลับ



เรื่องเริ่มต้นขึ้นเมื่อ”ริวเฮย์”หัวหน้าแผนกธุรการของบริษัทใหญ่แห่งหนึ่ง ถูกบีบให้ออกจากบริษัทที่ตนทำงานรับใช้มานานปีอย่างไม่คาดฝัน เขารู้สึกเจ็บปวดและคับแค้นใจ แต่ก็พยายามปกปิดไม่ให้ภรรยาและลูกๆรู้ถึงปัญหาที่เกิดขึ้น ด้วยการใส่สูทถือกระเป๋าเอกสารแสร้งทำเป็นออกจากบ้านเพื่อไปทำงานทุกวัน แต่แท้จริงแล้วเขาได้แต่เตร่ไปมาเพื่อหางานใหม่ทำซึ่งก็หาได้ยากยิ่งนักสำหรับคนอายุมากเช่นนี้ บางครั้งเขาก็ไปต่อแถวเพื่อรับอาหารจากโรงทานข้างถนนประทังความหิว



ในขณะที่เขาพยายามรักษาสถานภาพและอำนาจภายในครอบครัวอย่างยิ่งยวดนั้น เขากลับไม่สังเกตเห็นว่าบรรยากาศภายในบ้านของเขาช่างอึดอัดและห่างเหิน ไม่มีบทสนทนาใดๆบนโต๊ะอาหารมานานแล้ว “ทากะ” ลูกชายคนโตแทบจะไม่กลับบ้านมาให้เห็นหน้า และเลือกที่จะสมัครไปเป็นทหารในกองทัพสหรัฐฯ ส่วน “เคนจิ” ลูกชายคนเล็กพยายามดิ้นรนที่จะเลือกเส้นทางชีวิตของตนเองและทำในสิ่งที่ตนรักคือการเรียนเปียโนแม้ว่าจะขัดคำสั่งของพ่อก็ตาม “เมกูมิ” ภรรยาผู้ทำหน้าที่รับใช้สามีและลูกชายทั้งสองคนโดยไม่มีปากเสียงใดๆ มานานหลายสิบปี รู้สึกโดดเดี่ยวและสิ้นหวัง ประดุจว่าชีวิตของเธอเองก็ถูกดูดดึงให้จมลงไปเรื่อยๆอย่างไม่มีทางออก



หนังกำลังบอกเราว่า เราทุกคนล้วนถูกกดทับด้วยบางสิ่งบางอย่างที่มองไม่เห็น สิ่งนั้นอาจเป็นภาระหน้าที่ความรับผิดชอบ บทบาททางสังคมที่เราต้องเล่นและแสดงต่อไป หรืออาจเป็นโครงสร้างอันอยุติธรรมของสังคมและวัฒนธรรมที่เราดำรงอยู่ ในหนังเรื่องนี้ ผู้กำกับคิโยชิ คุโรซาวะ ยังคงจับประเด็นถนัดของตัวเอง นั่นคือ การวิพากษ์ “ความเสื่อมของยุคสมัย”, “บทบาทกับค่านิยมที่เปลี่ยนไป” และ “มุมมองความคิดของคนต่างยุคต่างวัย”



กระนั้นหนังก็ไม่ได้โหดร้ายจนเกินไป เพราะท้ายที่สุดแล้ว เมื่อทุกคนได้เดินไปจนถึงทางตันแห่งชีวิต และประสบกับเหตุการณ์ที่เจ็บปวดที่สุดจนดูเหมือนว่าจะไม่มีทางออกใดๆหลงเหลืออีกต่อไป เมื่อเราไปถึงจุดที่เรายอมจำนนต่อชีวิต ยอมรับความจริงที่เกิดขึ้น ยอมละวางความคิดความเชื่อแบบเดิมที่เคยมี ยอมละทิ้งวิธีการแบบเก่าๆที่เคยยึดมั่น ปลดปล่อยตนเองจากพันธนาการ การเริ่มต้นใหม่ก็บังเกิดขึ้นอีกครั้ง อย่างเงียบๆแต่งดงาม



ความรู้สึกตอนที่ดูหนังเรื่องนี้ ฉันรู้สึกว่า Tokyo Sonata เป็นหนังที่เศร้ามาก (โคตรเศร้าเลย แต่ร้องไห้ไม่ออกสักแอะ) เป็นความเศร้าและเจ็บปวดใจอยู่ข้างในอย่างเงียบๆ เป็นความเศร้าที่เกิดขึ้นพร้อมกับความรู้สึกอึดอัดและกดดัน กระนั้นหนังก็มีวิธีการเล่าเรื่องเศร้าที่งดงามในแบบของมัน ฉันชอบบรรยากาศและวิธีการเล่าเรื่องของหนังเรื่องนี้ เพราะสามารถทำให้เราสัมผัสได้ถึงความทุกข์ที่แฝงอยู่ภายใต้บรรยากาศและการกระทำที่ดูแสนจะธรรมดา ฉากกินข้าวร่วมกันบนโต๊ะอาหารนั้นในแต่ละตอนนั้น บอกอะไรมากมายหลายอย่างโดยแทบจะไม่ต้องใช้คำพูดสักคำ เป็นฉากที่แสดงถึงความเงียบงัน การซ่อนเร้นความลับและความห่างเหินประดุจคนแปลกหน้า และบทเพลงในตอนจบเป็นบทเพลงที่ไพเราะอย่างยิ่ง เป็นหนังที่ดีและน่าประทับใจอีกเรื่องหนึ่งที่ควรค่าแก่การชม

No comments:

Post a Comment