Friday, June 8, 2007

Home Hug


เมื่อวันเสาร์อาทิตย์ที่ ๒-๓ มิ.ย.๕๐ ที่ผ่านมา ได้มีโอกาสไปจัดค่ายธรรมชาติบำบัดให้เด็กๆที่บ้านโฮมฮัก (มูลนิธิสุธาสินี น้อยอินทร์ เพื่อเด็กและเยาวชนฯ)จังหวัดยโสธร ชื่อบ้านโฮมฮักนี้ดีมากๆเลยทั้งในความหมายภาษาถิ่น คืออาจแปลได้ว่า เรามารวมกันด้วยความรัก (อะไรประมาณนี้แหละ) และในภาษาอังกฤษเมื่อถ่ายถอดเสียงออกมาก็จะไปตรงกับคำว่า Home Hug ซึ่งแปลเอาความได้ว่า บ้านโอบกอด(ด้วยรัก) เราล่ะนับถือคนคิดชื่อนี้จริงๆ คิดได้เจ๋งมากๆ

ทีมเราประกอบด้วยอาสาสมัครธรรมชาติบำบัด ๕ คน คือ เรา พี่อางค์ พี่โอ๋ พี่ไหม พี่ผึ้ง (น้องสาวพี่นก นฤมล เมธีสุวกุล) แล้วก็ยังมี พระภิกษุอีก ๒ รูป คือพระสมบูรณ์ กับพระประสงค์ (พี่ไหมนิมนต์ท่านมา) ทั้งสองท่านนี้เป็นพระที่ผ่านการฝึกอบรมด้านการเป็นกระบวนกรมาไม่น้อย แต่ละท่านมีเทคนิควิธีการนำกระบวนการได้อย่างยอดเยี่ยม โดยเฉพาะท่านประสงค์นั้น มุขฮาท่านไหลลื่นมาก โชคดีที่งานนี้มีพระมาด้วย พระท่านช่วยได้สารพัดประโยชน์จริงๆ ไม่ว่าจะนำเกม กิจกรรม นำสวดมนต์ นั่งสมาธิภาวนา รับบิณฑบาตรจากเด็กๆ ปล่อยมุขฮา ฯลฯ(ให้ท่านทำงานเยอะขนาดนี้ จะบาปไหมเนี่ย)

มีเด็กๆหลายคนที่ติดเชื้อ HIV แม้สุขภาพกายจะอ่อนแอและสุขภาพใจดีมากๆ แววตายังสดใส ยังยิ้ม หัวเราะได้ร่าเริงเบิกบาน เหมือนเด็กปกติทั่วไป จนเราเองที่กะว่าจะไปเป็นผู้ให้ เป็นผู้ช่วยเยียวยาเด็กๆ กลับรู้สึกว่าตัวเองตะหากที่ได้รับการเยียวยาจากเสียงหัวเราะ จากความรัก ความสดใสของเด็กๆเหล่านี้ ใจเรามันจะเบาๆสบายๆมีความสุขอยู่เรื่อยๆ ตลอดเวลา ๒ -๓ วันที่จัดกิจกรรมนี้

นึกถึงคำพูดของ เจ้าหวัน ลูกชายของพี่หมูที่โรงเรียนใต้ร่มไม้ จ.พัทลุง ที่ว่า "เด็กๆพร้อมที่จะรักครูอยู่ตลอดเวลา แต่ครูต่างหากที่ชอบสร้างกำแพงกั้นตัวเองเอาไว้ไม่ให้ได้รับความรักจากเด็กๆ" ก็จริงนะ เพราะเราเองก็รู้สึกได้เลยว่าเด็กๆที่นี่พร้อมที่รักและเป็นที่รัก แน่นอนว่าเด็กๆเองก็ต้องการความรักมาก เพราะขาดมาตั้งแต่เล็กๆ และต่างก็มีบาดแผลฉกรรจ์ในวัยเยาว์มากมายจากพ่อแม่หรือผู้ใหญ่ที่ใกล้ชิด แต่เขาก็ยังมีความกล้ามากพอที่จะเปิดใจรักผู้ใหญ่คนอื่นๆได้ด้วย เราเองลึกๆแล้วรู้สึกนับถือจิตใจที่ยิ่งใหญ่และความกล้าหาญของเด็กๆไม่น้อย

และพอเอาเข้าจริงเรากลับสอนอะไรไปไม่ได้มากเท่าไร (ในแง่เนื้อหา)แต่กลับได้เรียนรู้อะไรมากมายผ่านประสบการณ์ รู้สึกทึ่งมากที่ได้เห็นเด็กตัวเล็กๆอายุแค่ ๓-๔ ขวบ ล้างจาน กวาดบ้าน รู้หน้าที่ของตัวเอง รับผิดชอบช่วยเหลือตัวเองได้มากมายขนาดนี้ โดยไม่ต้องมีผู้ใหญ่มาคอยประคบประหงมหรือมาจ้ำจี้จ้ำไชมากมาย เด็กโตกว่าก็จะช่วยดูแลเด็กเล็กกว่า (พี่สอนน้อง) เราทึ่งกับศักยภาพของเด็กๆมาก ถ้าพ่อแม่ที่ชอบตามใจลูกจนเสียเด็กได้มาเจอเด็กๆพวกนี้เข้า คงได้คิดอะไรบ้าง

นอกจากประทับใจกับเด็กๆแล้ว เราเองก็ได้เรียนรู้กิจกรรมและเกมส์ต่างๆมากมายสารพัดที่พระกระบวนกรและพี่ไหมของเรา (ซึ่งเพิ่งผ่านการอบรมกระบวนกรมาหมาดๆกำลังร้อนวิชา (ฮ่ะๆ)) งัดออกมาใช้หลอกล่อเด็กๆ บางเกมก็ง่ายๆมากเลย แต่สนุกสุดๆ เช่น เกม พระ ผี ผู้หญิง (คล้ายๆเป่ายิ้งฉุบ หรือ เสือ ไก่ มอด ฯลฯ แต่เกมนี้จะต้องออกท่าทางให้รู้สถานะว่าเลือกไปตัวละครตัวไหน) หรือ เกมปลาโลมา ๑ ตัว กระโดดลงไปในทะเล จึ๋ย~ หรือเกมกบ อ๊บๆ ตบพื้นก็สนุกดี เล่นง่าย ส่วนใหญ่ก็จะเป็นเกมส์หรือกิจกรรมที่เน้นการฝึกสติด้วย

สรุปแล้วไปๆมาๆ เราว่าค่ายนี้จะเล่นเกมส์/ กิจกรรมนันทนาการกัน มากกว่าการสอนเนื้อหา แต่ก็ดีไปอีกแบบ อย่างน้อยเด็กๆ ก็ไม่ต้องทนง่วงหรือหลับนานนักในช่วงบรรยาย ผู้ใหญ่ใจดีทั้งหลายก้อพลอยสนุกไปด้วย บ้างก็แอบอู้งานผ่านการเล่นเกมส์เพราะขี้เกียจบรรยาย (เช่น เราเป็นต้น :-D แต่อย่างไรก็ตามทุกคนก็ได้รับความสุขกลับบ้านกันมาโดยถ้วนหน้าละน่า)

No comments:

Post a Comment